HOME / วิธีดูแลเวลาท้องเสีย

อาการท้องเสียเป็นอย่างไร?

ท้องเสียหรืออุจจาระร่วง หมายถึง อาการที่ถ่ายอุจจาระเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป หรือถ่ายเป็นมูกเลือดตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง อาการเหล่านี้หากมีอาการไม่เกิน 2 สัปดาห์ จะเรียกว่า ท้องเสียเฉียบพลัน แต่หากนานเกิด 2 สัปดาห์จะเรียกว่า ท้องเสียเรื้อรัง

สาเหตุ?

อาการท้องเสียมักมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่สะอาด หรือมีเชื้อโรคเชื้อปน ทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือพยาธิ นอกจากนี้อาการท้องเสียยังสามารถเกิดได้จากการรับประทานอาหารรสจัด หรือเกิดจากยาและโรคบางชนิดได้

ท้องเสียมีกี่แบบ?

อาการท้องเสียสามารถแบ่งตามลักษณะของอุจจาระได้ 2 แบบ คือ

  • อาการท้องเสียที่ถ่ายเป็นมูกเลือด โดยผู้ป่วยมักมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดท้องหรือปวดเบ่งที่ทวารหนัก ถ่ายบ่อย และมีปริมาณอุจจาระที่ออกในแต่ละครั้งไม่มากนัก
  • อาการท้องเสียที่ถ่ายเหลวหรือเป็นน้ำ สีเหลืองหรือเขียวอ่อน ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเป็นน้ำขุ่นขาวคล้ายน้ำซาวข้าว

อาการแบบไหนจึงต้องรับประทานยาฆ่าเชื้อ?

การใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสีย มักจะพิจารณาให้การรักษาเฉพาะในผู้มีอาการท้องเสียที่ถ่ายเป็นมูกเลือด หรือผู้มีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือน้ำซาวข้าวที่มีอาการแสดงของการขาดน้ำ เช่น อาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง กระหายน้ำ ปากคอแห้ง หน้ามืด เป็นต้น ดังนั้น สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสียแบบถ่ายเหลวไม่มีเลือดปน และไม่มีอาการขาดน้ำ ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ

ถ้าหากไม่ใช้ยาฆ่าเชื้อ จะรักษาอย่างไร?

สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสียแบบถ่ายเหลว และไม่มีอาการขาดน้ำ ผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่อาการจะเป็นอยู่ไม่กี่วันและหายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ จึงแนะนำให้ดื่มสารละลายเกลือแร่ (Oral rehydration salts, ORS) เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำและเกลือแร่ที่เสียไปจากการท้องเสีย ซึ่งวิธีการรับประทานเกลือแร่ที่ถูกต้องคือ ควรให้ผู้ป่วยจิบรับประทานสารละลาย ORS ในปริมาณน้อยๆ ไปเรื่อยๆ แต่จิบบ่อยๆ และควรเตรียมสารละลาย ORS ใช้ใหม่หากเตรียมแล้วใช้ไม่หมดภายใน 24 ชั่วโมง

หากผู้ป่วยไม่สามารถหาซื้อ ORS ได้ สามารถเตรียมเองได้โดยผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือแกง ครึ่งช้อนชาลงในน้ำที่ต้มเดือดที่เย็นแล้ว และลายให้เข้ากัน

ยาหยุดถ่ายจำเป็นหรือไม่?

ยาหยุดถ่ายที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือ loperamide แม้จะมีข้อบ่งใช้สำหรับบรรเทาอาการท้องเสียชนิดเฉียบพลันที่ไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้เนื่องจากทำให้การกำจัดออกของเชื้อโรคที่อาจเป็นสาเหตุของอาการท้องเสียช้าลง จึงไม่แนะนำให้ซื้อยาหยุดถ่ายมารับประทานเอง หากจำเป็นต้องรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ควรต้องไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการต่อไปนี้?

อุจจาระมีมูกปน มีกลิ่นเหม็นผิดปกติคล้ายกุ้งเน่าคลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง มีไข้สูงเกินกว่า 38.5 องศาเซลเซียส อ่อนเพลียมาก หรือมีอาการนานกว่า 48 ชั่วโมง และผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และผู้สูงอายุ ไม่ควรรักษาเอง เพราะถ้าอาการรุนแรงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ที่มา: http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/

flying-2-2

flying-3

flying-4

flying-5